พระคันธาราฐ

 

 

                   พระคันธาราฐสร้างขึ้นในเมืองคันธาราฐโดยพระเจ้าแผ่นดิน โปรดให้สร้างเพื่อตั้งบูชาขอฝน  ต่อมามีผู้เลื่อมใสนิยมเป็นอันมาก พระมหากษัตริย์ไทยจึงได้ทรงสร้างพระปางนี้ขึ้นนำไปประดิษฐานตามมลฑลต่าง ๆ เพื่อใช้ในพิธีขอฝน และพระราชพิธีพรุณศาสตร์เพื่อให้มีความเป็นมงคล และประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎ์ต่อไป สำหรับพระคันธาราฐ ของกรมที่ดินนั้น ปัจจุบันประดิษฐานภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์กรมที่ดิน เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่ไม่เหมือนที่อื่น เป็นพระพุทธรูปประทับ ยืน เงยพระพักตร์ขึ้นสู่ท้องฟ้า พระหัตถ์ขวาทำท่าขวักเหนือพระอุระ พระหัตถ์ซ้ายทำท่าขอ จึงเรียน ลักษณะนี้ว่า ปางขอฝน เนื้อองค์พระเป็นทองเหลือง สูงเฉพาะองค์พระ ๒๘ เซนติเมตร ฐานเป็นรูปบัว หงาย สูงรวมฐานวัดได้ ๓๓ เซนติเมตร ฐานกว้าง ๘.๕ เซนติเมตร องค์พระกว้าง ๕ เซนติเมตร  ลักษณะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ในอดีตเป็นสมบัติของกรมนา หลังจากมีประกาศยกเลิกกรมนา พระคันธา ราฐองค์นี้จึงตกเป็นสมบัติของกรมที่ดิน และอยู่กับสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สืบมาจนถึง ปี  พ.ศ.๒๕๔๔ กรมที่ดินได้ดำเนินการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้น มีการรวบรวมโบราณวัตถุเข้ามาได้แสดงใน ห้องพิพิธภัณฑ์ จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานภายในซุ้มมณฑปโบราณ ที่ได้รับมอบมาจากสำนักงานที่ดิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประดิษฐานอยู่ภายในห้องจัดแสดงส่วนที่ ๒ บริเวณชั้น ๒ ของพิพิธภัณฑ์ กรมที่ดินจนถึงปัจจุบัน พระคันธาราฐ ของกรมที่ดิน ทราบภายหลังว่ามีการหล่อและทำพิธีปลุก เสก ขึ้นหลายองค์แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานยังสำนักงานที่ดินจังหวัดเกือบทุกจังหวัด แต่ปัจจุบันหาชม ได้ยากยิ่ง พระคันธาราฐมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้ใดได้กราบสักการะเป็นนิตย์ จะบันดาลให้เกิด ความเจริญรุ่งเรือง ความอุดมสมบูรณ์ สมกับเจตนารมณ์ของผู้จัดสร้างขึ้น เพื่อให้ราษฎรที่ทำมาหากิน บนแผ่นดินไทยได้ประสบแต่ความสุข สวัสดี มีความอุดมสมบูรณ์ฝนตกต้องฤดูกาล พืชพันธุ์เจริญ  งอกงาม มีผลผลิตมาก ยังความผาสุกมาสู่อาณาประชาราษฎร์สืบไป

 

[ย้อนกลับ]